เมื่ออากาศร้อน ควรจะกินอะไรดี?
สุดยอดสมุนไพรที่จะแนะนำนี้ คือ คุณอบเชยหรือ คุณซินนามอน (Cinnamon) นั่นเอง
อบเชย เป็นเปลือกไม้ชนิดหนึ่ง สามารถนำไปบดเป็นผงละเอียด หรือนำไปต้มน้ำเคี่ยวให้งวดเป็นน้ำอบเชย แล้วนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทาน
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้
คนอเมริกันเชื่อว่าผงอบเชยไปส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินให้ใช้น้ำตาลกลูโคส จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลได้
คนไทยโบราณมีความเชื่อว่า อบเชยหรือเปลือกของต้นอบเชยเป็นสมุนไพรรสเผ็ดหวาน ช่วยแก้พิษร้อน แก้ลมอัมพาต ใช้ปรุงเป็นยาหอม ยานัตถุ์ ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย แก้อาการแน่นท้องจุกเสียด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้ท้องร่วง ขับปัสสาวะ ช่วยในการย่อยสลายไขมัน
คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า การนำอบเชยกับน้ำไปเคี่ยวเป็นน้ำยาเข้มข้น มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง สร้างความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหารและม้าม ระงับอาการปวดถ่วง ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก นอกจากนั้นน้ำอบเชยยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้คึกคัก กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น แก้อาการเกิดตะคริวในกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นต้น
การรับประทานอบเชยที่เราคุ้นเคยกันดีจากขาหมูต้มพะโล้ หรือหมูสามชั้นต้มเค็มแล้ว เรายังเคยเห็นคนนำผงอบเชยโรยในกาแฟบ้าง ผสมในขนมนานาชนิดบ้าง
แต่เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงยังไม่เคยลองรับประทานข้าวต้มผสมอบเชย ซึ่งถ้าใครได้รู้จักสรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย คงอยากจะลิ้มลองดูสักครั้งเป็นแน่แท้
สรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย
สูตร 1 ต้มข้าวต้มให้สุก ใส่น้ำอบเชยและน้ำตาลทรายแดงพอสมควร ชิมแล้วอร่อยเป็นใช้ได้
สูตร 2 ต้มข้าวต้มให้สุก โดยใช้ข้าวจ้าวประมาณ 30-60 กรัม แล้วโรยผงอบเชยใส่ประมาณ 1-2 กรัม ก็เป็นอันใช้ได้ (สูตรนี้ไม่ต้องใส่น้ำตาลทรายแดง)
จากหนังสือ 'เปิดตู้เย็น เป็นตู้ยา' โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา.
คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้
คนอเมริกันเชื่อว่าผงอบเชยไปส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินให้ใช้น้ำตาลกลูโคส จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลได้
คนไทยโบราณมีความเชื่อว่า อบเชยหรือเปลือกของต้นอบเชยเป็นสมุนไพรรสเผ็ดหวาน ช่วยแก้พิษร้อน แก้ลมอัมพาต ใช้ปรุงเป็นยาหอม ยานัตถุ์ ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย แก้อาการแน่นท้องจุกเสียด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้ท้องร่วง ขับปัสสาวะ ช่วยในการย่อยสลายไขมัน
คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า การนำอบเชยกับน้ำไปเคี่ยวเป็นน้ำยาเข้มข้น มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง สร้างความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหารและม้าม ระงับอาการปวดถ่วง ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก นอกจากนั้นน้ำอบเชยยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้คึกคัก กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น แก้อาการเกิดตะคริวในกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นต้น
การรับประทานอบเชยที่เราคุ้นเคยกันดีจากขาหมูต้มพะโล้ หรือหมูสามชั้นต้มเค็มแล้ว เรายังเคยเห็นคนนำผงอบเชยโรยในกาแฟบ้าง ผสมในขนมนานาชนิดบ้าง
แต่เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงยังไม่เคยลองรับประทานข้าวต้มผสมอบเชย ซึ่งถ้าใครได้รู้จักสรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย คงอยากจะลิ้มลองดูสักครั้งเป็นแน่แท้
สรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย
- เหมาะสำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารไม่มีแรง, ปวดกระเพาะอาหาร, เบื่ออาหาร, อุจจาระเหลว, อาเจียน, ลำไส้มีเสียงโครกคราก, ท้องขึ้น, อาหารไม่ย่อย
- หรือเหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไขข้อ, ปวดหลัง, ปวดกระดูก
สูตร 1 ต้มข้าวต้มให้สุก ใส่น้ำอบเชยและน้ำตาลทรายแดงพอสมควร ชิมแล้วอร่อยเป็นใช้ได้
สูตร 2 ต้มข้าวต้มให้สุก โดยใช้ข้าวจ้าวประมาณ 30-60 กรัม แล้วโรยผงอบเชยใส่ประมาณ 1-2 กรัม ก็เป็นอันใช้ได้ (สูตรนี้ไม่ต้องใส่น้ำตาลทรายแดง)
จากหนังสือ 'เปิดตู้เย็น เป็นตู้ยา' โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น