วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557

เมื่ออากาศร้อน ควรจะกินอะไรดี?

สุดยอดสมุนไพรที่จะแนะนำนี้ คือ คุณอบเชยหรือ คุณซินนามอน (Cinnamon)  นั่นเอง
อบเชย เป็นเปลือกไม้ชนิดหนึ่ง สามารถนำไปบดเป็นผงละเอียด หรือนำไปต้มน้ำเคี่ยวให้งวดเป็นน้ำอบเชย  แล้วนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทาน

คนญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้
คนอเมริกันเชื่อว่าผงอบเชยไปส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินให้ใช้น้ำตาลกลูโคส  จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลได้

คนไทยโบราณมีความเชื่อว่า  อบเชยหรือเปลือกของต้นอบเชยเป็นสมุนไพรรสเผ็ดหวาน ช่วยแก้พิษร้อน แก้ลมอัมพาต ใช้ปรุงเป็นยาหอม ยานัตถุ์ ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย แก้อาการแน่นท้องจุกเสียด  รักษาแผลในกระเพาะอาหาร  แก้ท้องร่วง  ขับปัสสาวะ  ช่วยในการย่อยสลายไขมัน

คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า การนำอบเชยกับน้ำไปเคี่ยวเป็นน้ำยาเข้มข้น มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง  สร้างความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหารและม้าม  ระงับอาการปวดถ่วง  ช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก  นอกจากนั้นน้ำอบเชยยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้คึกคัก  กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ร่างกายอบอุ่น  ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น  แก้อาการเกิดตะคริวในกระเพาะอาหารและลำไส้เป็นต้น
การรับประทานอบเชยที่เราคุ้นเคยกันดีจากขาหมูต้มพะโล้ หรือหมูสามชั้นต้มเค็มแล้ว  เรายังเคยเห็นคนนำผงอบเชยโรยในกาแฟบ้าง ผสมในขนมนานาชนิดบ้าง
แต่เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงยังไม่เคยลองรับประทานข้าวต้มผสมอบเชย  ซึ่งถ้าใครได้รู้จักสรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย  คงอยากจะลิ้มลองดูสักครั้งเป็นแน่แท้

สรรพคุณของข้าวต้มผสมอบเชย
  1. เหมาะสำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารไม่มีแรง, ปวดกระเพาะอาหาร,  เบื่ออาหาร,  อุจจาระเหลว, อาเจียน,  ลำไส้มีเสียงโครกคราก,  ท้องขึ้น,  อาหารไม่ย่อย
  2. หรือเหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคไขข้อ,  ปวดหลัง, ปวดกระดูก
วิธีทำ
สูตร  1  ต้มข้าวต้มให้สุก  ใส่น้ำอบเชยและน้ำตาลทรายแดงพอสมควร  ชิมแล้วอร่อยเป็นใช้ได้

สูตร  2  ต้มข้าวต้มให้สุก  โดยใช้ข้าวจ้าวประมาณ  30-60  กรัม  แล้วโรยผงอบเชยใส่ประมาณ 1-2 กรัม  ก็เป็นอันใช้ได้ (สูตรนี้ไม่ต้องใส่น้ำตาลทรายแดง)

จากหนังสือ 'เปิดตู้เย็น เป็นตู้ยา' โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น